การลงทุนด้านเทคโนโลยีในช่วงเศรษฐกิจขาลงไม่ดีจริงหรือ
ช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ขึ้นหลายครั้ง โดยเศรษฐกิจจะหดตัวและฟื้นตัวอย่างรุนแรงในทุกครั้งที่เกิด ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นเพราะการระบาดของ COVID-19 ครั้งนี้ก็บีบบังคับให้ธุรกิจทั่วโลกต้องทบทวนลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ กันใหม่ทั้งหมด
วิกฤติการครั้งนี้ทำให้หนี้ภาคเอกชนสูงเป็นประวัติการและมีคนตกงานหลายล้านคน แม้ว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวแล้วแต่ก็เกิดความสูญเสียไปหลายล้านดอลลาร์ในช่วงขาลง อีกทั้งการระบาดยังแพร่กระจายไปทั่วโลกจึงทำให้เศรษฐกิจทั่วทั้งโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากเพื่อให้บริษัทอยู่รอด สถานการณ์ที่บีบบังคับให้ตัดสิ่งไม่จำเป็นออกทั้งหมดเพื่อให้ “เข็นต่อไปได้” ทำให้เจ้าของธุรกิจขนาดย่อมหลายแห่งหมดสิทธิ์คิดเรื่องการปรับสเกล ปรับขอบเขต หรือพัฒนาธุรกิจไป
แต่ทว่ามีข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ สักวันภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็จะจบลง และคุณต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงขาลงนี้ ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกคู่แข่งที่เตรียมตัวมาพร้อมกว่าพุ่งแซงไปข้างหน้าเมื่อสถานการณ์กลับเป็นปกติ
ทำไมจึงควรลงทุนทางเทคโนโลยีในตอนนี้
สัญชาตญาณอาจบอกคุณว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องสำคัญในช่วงขาลงเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม เพราะโดยภาพรวมแล้ว COVID-19 ไม่ได้ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไป แต่แค่เร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างเกิดรุนแรงขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ทั่วทั้งโลกต่างก็ผลักดันวิธีการทำงานแบบรีโมทมากว่ายี่สิบปี จนเรามีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พร้อมรองรับการทำงานเป็นทีมแบบเวอร์ชวลมาตั้งนานแล้ว แต่การทำงานแบบรีโมทกลายมาเป็นวิธีการทำงานหลักได้ก็เพราะโรคระบาดและการรักษาระยะห่างทางสังคมกระตุ้นให้ต้องนำมาใช้
ไม่ว่าจะอย่างไร ในปัจจุบันนี้ธุรกิจทุกแห่งจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากกว่าที่ผ่านมา แม้กระทั่งธุรกิจการบริการแบบอนาล็อกดั้งเดิมที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับโลกดิจิตอลเลยก็หนีไม่พ้น ในแง่หนึ่งจะเห็นว่าปรากฏการณ์นี้ช่วยให้กระบวนการทำงานและการสื่อสารมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการบีบบังคับให้ธุรกิจขนาดย่อมต้องทุ่มลงทุนด้านเทคโนโลยีหนักกว่าที่เคย
การสนับสนุนด้าน IT แบบเชิงรุกกลายเป็นสิ่งจำเป็น
บริษัทส่วนใหญ่ที่มีขนาดและรายได้สูงถึงระดับหนึ่งก็มักมีทีมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีประจำบริษัท การที่บริษัทขนาดใหญ่จะขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ครอบคลุมเป็นวงกว้างจนจำเป็นต้องบำรุงรักษาอยู่เสมอถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเกิดขึ้น คือการที่ธุรกิจขนาดย่อมเริ่มจำเป็นต้องใช้การสนับสนุนด้าน IT อย่างต่อเนื่องในระดับเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ จากเดิมที่เพียงแค่เรียกผู้ให้บริการด้าน IT เข้ามา “ซ่อมตามอาการ” เป็นงวดไปก็เพียงพอ
ว่าง่ายๆ คือพอเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมสังเกตเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติรุนแรงเมื่อไร ก็ค่อยจ้างผู้ให้บริการด้าน IT เข้ามาแก้ปัญหานั้นเป็นงานๆ ไป ซึ่งก็สมเหตุผลเพราะธุรกิจขนาดย่อมมักไม่มีงบพอที่จะจ้างทีมสนับสนุนด้าน IT มาประจำบริษัท
แต่ด้วยการที่เทคโนโลยีที่ธุรกิจขนาดย่อมจำเป็นต้องใช้ในศตวรรษที่ 21 นี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งด้านขนาดและงบประมาณจนธุรกิจโตตามไม่ทัน อีกทั้งปัจจุบันนี้ธุรกิจขนาดย่อมหลายแห่งต้องใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนเป็นประจำทุกวัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิธีการจ้าง IT เป็นงานๆ ไปไม่ตอบโจทย์
นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรลงทุนด้านการสนับสนุนทาง IT อย่างตรงจุด ซึ่งก็โชคดีที่ผู้ให้บริการด้านการจัดการ IT (Managed IT service provider หรือ MSP) มีค่าบริการที่เอื้อมถึงขึ้นเรื่อยๆ และผู้ให้บริการด้านการจัดการ IT จะคิดค่าบริการเป็นรายเดือนเหมือนเหมาจ่ายให้คอยดูแล ไม่ได้คิดตามจำนวนครั้งที่ต้อง “ซ่อมตามอาการ” เหมือนผู้ให้บริการ IT แบบดั้งเดิม
ผู้ให้บริการด้านการจัดการ IT จะคอยให้การสนับสนุนผู้จ้างอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้บริการซัพพอร์ตด้าน IT ตลอด 24 ชั่วโมง และคอยเฝ้าระวังปัญหาและอันตรายให้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมออีกด้วย ในอนาคตไม่กี่ปีที่จะถึงนี้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีเชิงรุกจะกลายเป็นตัวกำหนดว่าธุรกิจใดจะประสบความสำเร็จและธุรกิจใดจะซบเซา โดยผู้ที่มีเทคโนโลยีพร้อมรับสถานการณ์จำเป็นอยู่เสมอจะกลายเป็นผู้ชนะ
ปัญหาความปลอดภัยทางไซเบอร์ต้องได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
เมื่อธุรกิจขนาดย่อมจำเป็นต้องพึ่งพิงอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิตอลอื่นๆ มากกว่าที่เคย ทำให้เมื่อระบบเกิดปัญหาหรือมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้การทำงานหยุดชะงักลงจนธุรกิจของคุณเกิดความสูญเสียมูลค่าสูงได้ นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมจึงควรลงทุนด้านเทคโนโลยีไว้แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านเทคโนโลยีที่ธุรกิจขนาดย่อมต้องประสบก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุหรือเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์เสมอไป ยิ่งโลกดิจิตอลใหญ่โตขึ้นเพียงใดอาชญากรก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ “ซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่” และการโจมตีรูปแบบใกล้เคียงกันนี้ของเหล่าแฮคเกอร์เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่ผ่านมาด้วย
การที่ธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลางกลายเป็นเป้าที่ถูกมัลแวร์เหล่านี้โจมตีง่ายที่สุดเกิดจากเหตุผลหลายประการ โดยเหตุผลหลักคือธุรกิจขนาดดังกล่าวมักมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ประจำในบริษัท ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ถูกเจาะได้ง่าย
นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจขนาดย่อมยังมักไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของภัยทางไซเบอร์ในยุคนี้อีกด้วย ซึ่งนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรลงทุนใช้บริการ IT ซัพพอร์ตเชิงรุก ที่มีบริการติดตามตรวจสอบหาจุดบกพร่องและช่องโหว่ในระบบให้คุณอย่างต่อเนื่อง
ความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์นั้นรุนแรงมาก จนธุรกิจขนาดย่อมที่ถูกโจมตีกว่าครึ่งถึงกับไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาจุดเดิมได้
สรุปเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรลงทุนในตอนนี้
ด้วยการที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งธุรกิจขนาดย่อมและผู้ประกอบการควรลงทุนกับโซลูชั่นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขันไว้ได้อยู่เสมอ ปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่พร้อมเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรลงทุนด้านเทคโนโลยีแม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม ธุรกิจต่างๆ ควรได้รับการสนับสนุนด้าน IT อย่างตรงโจทย์อยู่เสมอ แม้ว่าเมื่อมองระยะสั้นแล้วอาจดูต้นทุนสูง แต่ในระยะยาวการลงทุนนี้จะคุ้มค่าจนเห็นได้ชัดอย่างแน่นอน
ป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ รู้ทันภัยคุกคาม ใช้เทคโนยีอย่างเหมาะสม ช่วยให้ดำเนินธุรกิจอย่างไม่สะดุด สนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ปรึกษาเราได้ เรายินดีคุ้มครองธุรกิจของคุณให้ปลอดภัย