คุณจะกู้ชื่อเสียงทางธุรกิจกลับมาหลังถูกแฮ็คได้อย่างไร
ในตอนนี้เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่คงเข้าใจถึงความยากลำบากที่จะตามมาหลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์กันดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียข้อมูล การถูกเรียกค่าไถ่ข้อมูล ความเสียหายต่อโครงสร้างเครือข่าย และอื่นๆ อีกมากมาย
ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินและการเติบโตของบริษัท คุณก็ต้องคิดถึงผลกระทบทางการเงินเป็นอันดับแรก แต่การโจมตีทางไซเบอร์อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายอีกส่วนที่ซ่อนอยู่ได้ นั่นก็คือชื่อเสียงของคุณและความไว้วางใจของลูกค้า
ความท้าทายหลังถูกแฮ็คที่ซ่อนอยู่
ธุรกิจใดก็ตามที่ดำเนินการโดยไม่ป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีทางไซเบอร์อย่างเพียงพอจะตกอยู่ในความเสี่ยงเสมอ คุณอาจคิดว่าธุรกิจของคุณเล็กเกินกว่าจะตกเป็นเป้าและต่อให้ทุกอย่างพังลงไปคุณก็สามารถกู้กลับเป็นปกติได้ไม่ยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม ผลกระทบที่จะเกิดตามมาจะร้ายแรงจนแทบรับไม่ไหว
ยิ่งคุณมีการป้องกันน้อยเท่าไรคุณก็มีโอกาสเจ็บตัวเมื่อถูกโจมตีสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น ผลที่ตามมาอาจถึงขั้นต้องปิดบริษัทเลยทีเดียว
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบางบริษัทเป็นวงแคบเท่านั้น เพราะ 60% ของธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลางที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์สำเร็จต้องปิดกิจการลงภายในหกเดือนหลังเกิดเหตุ บ้างก็เพราะกู้ข้อมูลที่ต้องใช้ทำธุรกิจกลับมาไม่ได้ บ้างก็สูญเสียเงินไปก้อนใหญ่จนไปต่อไม่ไหว
นอกจากนี้บริษัทส่วนใหญ่ยังต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าต่อธุรกิจมากที่สุดไป: นั่นก็คือความมั่นใจของลูกค้า
ในยุคนี้การรอให้ข่าวเงียบไปเองใช้ไม่ได้ผลแล้ว เพราะการถูกเจาะระบบรักษาความปลอดภัยสำเร็จจะกลายเป็นข่าวใหญ่ และผู้คนก็เข้าใจปรุโปร่งแล้วว่าการถูกแฮ็คได้หมายความว่าอย่างไร ทำให้เมื่อบริษัทตกเป็นข่าวว่าถูกแฮ็คแล้วจะกู้ชื่อเสียงกลับมาได้ยากมาก ถ้าหากคุณรับมือกับสถานการณ์หลังเกิดเหตุได้ไม่ดี คนส่วนใหญ่จะมองว่าเมื่อคุณพลาดท่าไปแล้วครั้งหนึ่ง เดี๋ยวก็จะมีครั้งที่สองที่สามตามมา ดังนั้นคุณจึงต้องเตรียมเหตุผลที่จะทำให้ลูกค้ากล้ากลับมาใช้บริการธุรกิจของคุณรอไว้
การถูกแฮ็คและถูกเจาะข้อมูลส่งผลกับชื่อเสียงของคุณอย่างไร
ไม่มีธุรกิจที่ไหนอยากถูกแฮ็ค แต่การไม่ป้องกันอะไรเลยก็เหมือนกับคุณลงมือพังธุรกิจและไล่ลูกค้าด้วยตัวเอง ระบบรักษาความปลอดภัยไม่ใช่ว่าสามารถป้องกันภัยทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบก็จริง แต่ก็ช่วยให้บริษัทของคุณมีโอกาสรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายไปได้มากกว่าบริษัทที่ไม่มีการป้องกัน
ลองถามตัวเองดูว่าธุรกิจของคุณจะไปรอดหรือไม่ถ้าหากลูกค้าหายไปหนึ่งในสามในชั่วข้ามคืน เพราะผลการวิจัยพบว่า 33% ของลูกค้าจะเลิกอุดหนุนบริษัทที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขารั่วไหล
การนิ่งเฉยหลังเกิดปัญหาจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด ดังนั้นคุณจึงควรทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เมื่อพลาดท่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้สำเร็จ:
แจ้งข่าวให้ลูกค้าทราบ
วิธีหนึ่งที่กู้ความไว้วางใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับมาได้ทันทีก็คือคุณต้องเป็นผู้แจ้งข่าวร้ายเอง ถ้าลูกค้าทราบเรื่องการถูกโจมตีจากคุณ พร้อมได้รับรู้ว่าคุณจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรและทำอะไรไปแล้วบ้าง คุณก็จะควบคุมเนื้อหาข่าวได้ ในทางกลับกันถ้าลูกค้าไปทราบข่าวจากสื่อมวลชน คุณก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกตีไข่ใส่สีอะไรบ้าง
บริหารจัดการเชิงรุก
เมื่อแจ้งข่าวให้ลูกค้าทราบแล้ว คุณก็ต้องบริหารจัดการให้ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำกับบริษัทของคุณได้อีก คุณต้องพูดคุยกับผู้ควบคุมดูแลเรื่องนี้ แจ้งให้หน่วยงานรักษากฎหมายทราบ และเรียกทีม IT ประชุมฉุกเฉิน ทางที่ดีคุณควรวางแผนการเหล่านี้เผื่อไว้ล่วงหน้า แต่ถ้าไม่ได้วางแผนไว้ก็ยังไม่ช้าเกินไปที่จะรีบจัดการ
เพิ่มการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ให้แน่นหนา
ถ้าคุณโชคดีเป็นหนึ่งใน 40% ของธุรกิจ SMB ที่รอดมาได้หลังตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์ คุณก็คงไม่อยากกลับไปเป็นเหยื่ออีกครั้ง แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดก็คือคุณควรมีระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำป้องกันไว้ก่อนถูกโจมตี แต่ถ้าคุณพลาดไปแล้วในครั้งนี้และต้องการแก้ไขก็ไม่ถือว่าสายเกินไป
อัพเดทซอฟต์แวร์ในบริษัทของคุณ
ในบริษัทของคุณมีผู้รับผิดชอบเรื่องการอัพเดทซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการ และเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นรุ่นล่าสุดอยู่เสมอหรือไม่ โดยส่วนมากมักไม่มี แต่หน้าที่นี้เป็นงานที่อาจช่วยป้องกันไม่ให้คุณถูกแฮ็คหรือถูกเจาะข้อมูลได้ การอัพเดทและแพทช์ของซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่มักเป็นการแก้ไขเรื่องความปลอดภัย โดย 74% ของภัยทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 เป็นการโจมตี Zero-Day ด้วยมัลแวร์ ดังนั้นคุณจึงต้องอัพเดทเครื่องมือที่ใช้ในการทำธุรกิจของคุณทันทีที่มีโอกาส
ทุ่มเทวางแผนการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
เมื่อแจ้งข่าวให้ลูกค้าทราบและเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแล้วก็ถึงเวลาคิดเรื่องมาตรการระยะยาว คุณควรมอบหมายให้มีคนบริหารจัดการให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องสำคัญของบริษัท สืบหาจุดอ่อนในเครือข่ายของคุณ ทบทวนเรื่องการกำกับดูแลการทำงานจากทางไกลของพนักงาน และการอบรมพนักงานให้เข้าใจถึงผลกระทบจากการถูกเจาะข้อมูลที่มีต่อธุรกิจ
ภัยต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา งานพัฒนาระบบป้องกันจึงไม่มีวันจบสิ้น การที่ธุรกิจของคุณจะอยู่รอดได้ต้องอาศัยการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยให้เท่าทันหรือล้ำหน้าอาชญากร ดังนั้นคุณจึงต้องทุ่มเทเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
สรุปเนื้อหาและตัวช่วยสำคัญที่จะป้องกันการถูกแฮ็คได้
เจ้าของกิจการบางคนอาจไม่อยากแม้แต่จะคิดว่าบริษัทของตนอาจถูกแฮ็คได้ แต่คุณต้องยอมรับความจริงว่าเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้น และสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือต้องเตรียมการนำหน้าอาชญากรอยู่เสมอ
ปกป้องธุรกิจของคุณด้วย MSP
บริการ MSP ซึ่งย่อมาจาก Managed service provider (บริการด้านการจัดการ) คือทางออกสำหรับบริษัทที่ไม่มีบุคลากรดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยตรง มีเหตุผลทางธุรกิจมากมายบ่งชี้ชัดเจนว่าถ้าคุณอยากให้บริษัทของคุณรอดพ้นจากภัยทางไซเบอร์ที่มีความร้ายแรงมากขึ้นอยู่ตลอดได้ ก็ควรจ้างบริษัทภายนอกมาดูแลเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการที่คุณจ้างบริษัทภายนอกให้จัดการดูแลเรื่องบัญชีหรือการตลาด
ผู้ให้บริการ MSP บางแห่งอาจเก่งเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการกู้สถานการณ์กว่ารายอื่นๆ บางแห่งอาจใช้แค่เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่มีใช้กันทั่วไปซึ่งก็มักเป็นเป้าหมายที่แฮ็คเกอร์ชอบโจมตี ในขณะที่บางแห่งจะเรียนรู้ทำความเข้าใจในธุรกิจของคุณ เป้าหมายของคุณ และจุดอ่อนที่มีอยู่ในแผนการรักษาความปลอดภัยของคุณ เพื่อปรับแต่งระบบการป้องกันให้กับคุณโดยเฉพาะ หรือสนใจปรึกษาเราเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม เรายินดี!
ถ้าคุณไม่พร้อมจ้างผู้ให้บริการ MSP
การจ้างผู้ให้บริการ MSP ที่ตอบโจทย์ของคุณได้ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ค่าใช้จ่ายในการจ้างถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์ แต่อย่างไรก็ตามบริการนี้ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งต้องวางแผนและพิจารณาให้ดีระดับหนึ่งก่อนตัดสินใจลงทุนเช่นเดียวกันกับบริการอื่นๆ ถ้าคุณยังไม่พร้อมลงทุนในตอนนี้ อย่างน้อยก็ควรรักษาความปลอดภัยไว้ระดับหนึ่งซึ่งดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันไว้เลย ในกรณีดังกล่าวคุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทของคุณปฏิบัติดังต่อไปนี้:
- ใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์: ซอฟต์แวร์อาจมีราคาแพงมากโดยเฉพาะเมื่อคุณต้องซื้อหลายสิทธิ์ แต่การใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์อาจเป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ราคาแพงกว่าได้ เพราะซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มักถูกดัดแปลงไปจากของแท้และไม่สามารถติดตั้งอัพเดทจากผู้ผลิตได้ ซึ่งหมายความว่าไม่มีทางแพทช์ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้เลย ไม่ต่างอะไรกับการเปิดบ้านทิ้งไว้ให้อาชญากรบุกเข้ามา
- อัพเดทแพทช์เป็นประจำ: เมื่อคุณใช้ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ก็จะได้รับการอัพเดทอยู่เป็นประจำ การอัพเดทเหล่านี้มักเป็นการเพิ่มความปลอดภัยมากกว่าปรับปรุงหน้าตาหรือเพิ่มคุณสมบัติใหม่ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ในปี 2021 มีการพบช่องโหว่ใหม่ประมาณเดือนละ 20 กรณีโดยมีซอฟต์แวร์ของ Microsoft ตกเป็นเป้าโจมตีที่ใหญ่ที่สุด คุณควรเปิดระบบอัพเดทอัตโนมัติไว้ถ้าสามารถทำได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องบอกให้พนักงานทุกคนให้ความสำคัญกับการติดตั้งแพทช์
- สำรองข้อมูลเป็นประจำ: ถ้าคุณพลาดสูญเสียข้อมูลไป ในกรณีที่จัดการไว้ดีก็แค่ขลุกขลักเล็กน้อย แต่ถ้าจัดการได้ไม่ดีก็อาจเกิดความเสียหายทางการเงินร้ายแรงได้ ดังนั้นคุณจึงควรสำรองข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นไว้เสมอ ห้ามเก็บข้อมูลสำรองนั้นไว้แค่ชุดเดียว และที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามเก็บข้อมูลสำรองไว้ในระบบที่ติดต่อสื่อสารกับข้อมูลต้นฉบับได้ ไม่เช่นนั้นอาจถูกมัลแวร์แพร่เข้าไปโจมตีทั้งข้อมูลต้นฉบับและข้อมูลสำรองพร้อมกัน
- ใช้ระบบป้องกันไวรัสที่อัพเดทอยู่เสมอ: แม้ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่จะเลิกใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสกันแล้วเพราะเครื่องมือฟรีอย่าง Windows Defender สามารถตอบโจทย์การใช้งานของพวกเขาได้ครบถ้วน แต่สำหรับภาคธุรกิจที่ตกเป็นเป้าโจมตีโดยตรงนั้นถือว่าไม่เพียงพอ เครื่องมือป้องกันไวรัสระดับมืออาชีพสามารถติดตามตรวจสอบระบบของคุณได้แบบเรียลไทม์ เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นเครื่องมือระดับนี้จะสามารถสกัดอันตรายไว้ได้ก่อนเกิดความเสียหาย ในขณะที่ซอฟต์แวร์ฟรีทั่วไปอาจทำอะไรไม่ทันจนกระทั่งการโจมตีแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์ทุกชิ้นในองค์กรของคุณ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังถูกโจมตีทางไซเบอร์อาจสูงเกินกว่าที่คุณจะจ่ายไหว ธุรกิจส่วนใหญ่เลือกที่จะรักษาลูกค้าไว้ก่อนเพราะธุรกิจจะเดินต่อไม่ได้ถ้าไม่มีลูกค้า ดังนั้นหลังจากถูกเจาะข้อมูลสำเร็จจึงต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีข้อมูลของลูกค้ารั่วออกไป แน่นอนว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุผลว่าทำไมคุณจึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และต้องคำนึงอยู่เสมอว่าธุรกิจของคุณไม่ว่าจะเล็กแค่ไหนก็ตกเป็นเป้าได้ ตราบใดที่บริษัทของคุณมีเงิน มีข้อมูล หรือมีทั้งสองอย่างเหมือนกับธุรกิจทั่วไป นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คุณตกเป็นเป้าโจมตีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยมากไปกว่าตอนนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมหรือติดต่อเราดูว่าเราช่วยอะไรธุรกิจคุณได้บ้าง