การโทรหลอกลวง การแฮ็ค และการโจมตีด้วยมัลแวร์ในโทรศัพท์: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้
การแฮ็คโทรศัพท์, การป้องกันการแฮ็คโทรศัพท์, โทรศัพท์มือถือสำหรับทำธุรกิจ
ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในเดือนมีนาคมปี 2020 เพียงชั่วข้ามคืนออฟฟิศทุกแห่งก็ร้างผู้คนเพราะพนักงานเปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้าน ห้องประชุมถูกแทนที่ด้วยโปรแกรม Zoom และฝ่าย IT ของบริษัทต้องดิ้นรนหาแล็ปท็อปและตั้งระบบให้พนักงานทั้งหมดนำไปใช้ทำงานจากที่บ้านได้
เทคโนโลยีกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการทำธุรกิจ ในขณะเดียวกันโลกก็ได้เห็นการเติบโตแบบทวีคูณของการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์และการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการแฮ็ค การโจมตีด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ และการฟิชชิ่งล้วงข้อมูลล้วนเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น และมีธุรกิจทุกขนาดตกเป็นเหยื่อการก่ออาชญากรรมไฮเทคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าฝ่าย IT ของบริษัทจะอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์ไว้หมดแล้ว แต่ก็ยังมีช่องโหว่รูใหญ่เหลืออยู่ในเทคโนโลยีเครือข่ายของบริษัทแทบทุกแห่ง นั่นก็คือโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์มือถือสำหรับทำธุรกิจ คนส่วนใหญ่มักไม่คิดถึงเรื่องการป้องกันโทรศัพท์เลยจนกระทั่งสายเกินไป
โทรศัพท์เกี่ยวข้องอย่างไร
คุณอาจคิดว่าเพียงแค่เครือข่ายและคอมพิวเตอร์ของคุณมีความปลอดภัยก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว เพราะคุณเตรียมการรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายไว้อย่างเต็มที่และเข้มงวดกวดขัน
แต่เรื่องเทคโนโลยีและเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์มีอะไรมากกว่าที่คิดอีกมากมาย
แฮ็คเกอร์ทั่วทั้งโลกเจาะระบบเข้ากล้องวิดีโอสำหรับดูแลเด็กเล็กเพื่อแอบดูภายในบ้านของผู้คน อาชญากรปลอมเบอร์โทรศัพท์เพื่อหลอกลวงเหยื่อที่ไม่ทันรู้ตัว แฮ็คเกอร์ใช้พอร์ตของอุปกรณ์อย่างเครื่องพิมพ์หรือแม้กระทั่งตู้เย็นที่ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางเจาะเข้าเครือข่ายของบ้านพักอาศัยหรือออฟฟิศ
และหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีการใช้งานในระบบเครือข่ายของบริษัทมากที่สุดแต่มีการป้องกันน้อยที่สุด ก็คือโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือ
พนักงานใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับอีเมลของบริษัท เข้าใช้ระบบอินทราเน็ต หรือใช้ในการทำงานอื่นๆ ซึ่งทุกครั้งที่มีการใช้งานเหล่านี้ ก็อาจเป็นการเปิดประตูหลังบ้านทิ้งไว้ให้อาชญากรแฮ็คเข้าไปในระบบของคุณได้
แฮ็คเกอร์เจาะระบบโทรศัพท์เพื่ออะไร
แฮ็คเกอร์มีวิธีหาประโยชน์จากโทรศัพท์ในบริษัทของคุณได้หลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึง:
- โอนสายไปที่อื่น โดยอาชญากรจะเจาะเข้าเครือข่ายโทรศัพท์ของคุณแล้วโอนสายไปยังเบอร์โทรที่มีค่าโทรสูงมาก
- แฮ็คระบบฝากข้อความเสียง ซึ่งจะทำแบบเดียวกันคือโอนการฝากข้อความไปยังเบอร์โทรศัพท์ต่างประเทศหรือเบอร์โทรที่มีค่าโทรสูง
- ติดตั้งมัลแวร์ลงบนโทรศัพท์มือถือเพื่อให้แฮ็คเกอร์เข้าดูรหัสผ่านและข้อมูลของบริษัทได้
- ใช้ระบบซิงค์ของโทรศัพท์มือถือเพื่อติดตั้งมัลแวร์หรือโปรแกรมบันทึกการพิมพ์ (Keyloggers) เข้าในคอมพิวเตอร์ของบริษัท
- ฟิชชิ่งล้วงข้อมูล โดยส่งข้อความหรืออีเมลปลอมไปยังโทรศัพท์มือถือ เพื่อขอให้ลงชื่อเข้าใช้อีเมลของบริษัทหรือบัญชีผู้ใช้อื่นๆ จากนั้นแฮ็คเกอร์ก็จะเข้าควบคุมบัญชีผู้ใช้ดังกล่าวได้
- ติดตั้งซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ซึ่งสามารถติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ตได้ไม่ต่างกับบนคอมพิวเตอร์
บางครั้งเพียงแค่รับสายโทรเข้าที่ใช้เบอร์ปลอมโทรมาสอบถามแล้วเราบอกข้อมูลให้กับตัวปลอมไป ก็อาจทำให้บริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน
มาตรการป้องกันการแฮ็คโทรศัพท์
การป้องกันโทรศัพท์มือถือสำหรับทำธุรกิจและการป้องกันการถูกแฮ็คโทรศัพท์สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งรวมถึง:
- ขอให้พนักงานของคุณใช้รหัสผ่านสำหรับเข้าใช้ระบบฝากข้อความเสียงและอุปกรณ์ที่แน่นหนา
- ปิดการโทรออกไปยังต่างประเทศจากโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งสามารถทำได้โดยเลือกใช้โปรโมชั่นที่โทรได้เฉพาะในประเทศเท่านั้น หรืออาจติดต่อให้ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ตั้งค่าให้
- จำกัดให้โทรได้เฉพาะอัตราค่าโทรต่อนาทีไม่เกินที่กำหนดเท่านั้น
- ให้ความรู้แก่พนักงานในเรื่องการแฮ็คและการหลอกลวงที่มักพบเจอ
- ตั้งระบบให้โทรศัพท์ตัดสายโดยอัตโนมัติ หากเกิดกรณีที่มีการโอนสายโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบขึ้น สายจะได้ไม่ต่อค้างอยู่แบบนั้นไปตลอด
- ขอให้พนักงานของคุณติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและแอนตี้มัลแวร์ลงบนอุปกรณ์ทุกเครื่อง
- เปิดใช้คุณสมบัติพิเศษอย่างการโรมมิ่งข้อมูลเฉพาะในโทรศัพท์เครื่องที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
- จำกัดการเผยแพร่เบอร์โทรสำหรับติดต่อพนักงานของคุณทั้งสายตรงและเบอร์โทรศัพท์มือถือ
วิธีการหลอกลวงและวิธีการแฮ็คอุปกรณ์เทคโนโลยีจะมีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ จึงต้องมีความระแวดระวังอยู่ตลอดจึงจะป้องกันไม่ให้ตนต้องตกเป็นเหยื่อได้
ถ้าคุณไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าระบบโทรศัพท์ของคุณอาจมีช่องโหว่ ก็ควรรีบติดต่อพูดคุยกับผู้ให้บริการของคุณให้เร็วที่สุด วิธีการป้องกันการแฮ็คโทรศัพท์และการหลอกลวงนั้นสามารถทำได้ทั้งการใช้ซอฟต์แวร์และการตั้งค่าจากฝั่งผู้ให้บริการ หรือจะใช้วิธีการจำกัดค่าใช้จ่ายก็ได้
คุณควรกันไว้ดีกว่าแก้ อย่ารอให้มีบิลก้อนโตส่งมาก่อนหรือรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าระบบโดนเจาะไปแล้ว เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แต่ก็อาจมีโทษด้วยการเป็นช่องให้อาชญากรลอบเข้ามาในระบบของบริษัทคุณได้เช่นกัน! ติดต่อเราวันนี้