ป้องกันความเสียหายทางธุรกิจจาก Downtime ด้วยการดูแลเชิงรุก
การระบาดไปทั่วโลกของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในวงการธุรกิจไอทีทั่วโลก นั่นคือ มีความเสี่ยงที่ระบบไอทีจะหยุดชะงักการหยุดทำงานเพิ่มขึ้น เป็นเพราะว่ามีพนักงานจำนวนมากเป็นประวัติการเปลี่ยนไปทำงานทางไกล (Remote work) ปัญหาไอทีล่มและไฟตกพบเห็นได้บ่อยขึ้น จากการศึกษาเชิงสถิติ พบว่า ผู้จัดการไอทีมากถึง 51% รายงานว่ามีระบบไอทีล่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020
นี่เป็นข่าวร้ายมากสำหรับธุรกิจต่างๆ ที่หวังจะรักษาประสิทธิผลและผลประโยชน์ ในวันข้างหน้า ในปี 2020 ได้มีการสอบถามผู้นำทางธุรกิจจำนวนหนึ่งในสี่ พบว่า พวกเขาจะมีค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงเมื่อเกิดการหยุดการทำงานอยู่ที่ 301,000 ถึง 400,000 เหรียญสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น เหตุระบบล่มและไฟฟ้าตกเกิดซ้ำๆ นั้น ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการทำงานตามคำสั่งซื้อและเกิดผลเสียต่อชื่อเสียงบริษัท และอาจส่งผลให้พนักงานต้องทำงานล่วงเวลาด้วย รวมกันแล้ว สิ่งเหล่านี้สร้างปัญหาให้ธุรกิจที่พยายามจะฝ่าฟันผ่านสภาพธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากขึ้นไปอีก
มาดูกันว่าเราจะรับมืออย่างไร
ข่าวดีคือ การหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของระบบไอที และการทำให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าได้อย่างราบรื่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินจะเข้าใจ ด้วยการปรับใช้วิธีการเชิงรุกในการบำรุงรักษาระบบไอที คุณจะลดความถี่ของการเกิดเหตุระบบล่มและไฟตกได้อย่างมาก วิธีการต่างๆ ต่อไปนี้ จะช่วยชี้ให้เห็นและป้องกันปัญหาทั่วไปได้
ใช้งานคลาวด์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปัญหาที่ทำงานผู้จัดการไอทีปวดหัวมากที่สุดอย่างหนึ่งในยุคโรคระบาดนี้คือ ความพร้อมในการใช้งานของเซิร์ฟเวอร์ จากการที่พนักงานเข้าถึงอุปกรณ์เครือข่ายในสถานที่ทำงานไม่ได้แล้วนั้น บางธุรกิจถึงขั้นต้องดิ้นรนในการทำให้ข้อมูล โปรแกรม และระบบต่างๆ ให้พร้อมใช้งานสำหรับพนักงาน โชคดีที่ยังพอเป็นไปได้ที่จะเก็บข้อมูลสำคัญๆ เอาไว้บนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ ส่งผลให้ความเร็วในการดำเนินงานมีมากขึ้น และลดโอกาสที่จะเกิดการหยุดเวลาทำงาน
ผู้จัดการไอทีบางคนลังเลที่จะใช้งานคลาวด์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพราะเรื่องความปลอดภัย แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ในปัจจุบันนั้นมีความปลอดภัยสูง มีระบบบริการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบแจ้งเตือน และฟังก์ชั่นจำกัดการเข้าถึงซึ่งออกแบบมาเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการโดนละเมิดระบบรักษาความปลอดภัยได้ การเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีประสบการณ์ คุณก็จะเสริมความความน่าเชื่อด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณได้
ฝึกฝนพนักงานให้รู้จักระบุปัญหา
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องฝึกฝนพนักงานให้รู้จักระบุและรายงานปัญหาทางไอทีที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อที่จะช่วยทีมเทคนิคทำการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าพนักงานคนหนึ่งประสบปัญหาเกี่ยวกับเวลาในการโหลดช้า หรือเข้าถึงโปรแกรมบางส่วนไม่ได้ ทั้งระบบไอทีของคุณอาจได้รับผลกระทบจากการละเมิดความปลอดภัยหรือเกิดปัญหาด้านเซิร์ฟเวอร์ การแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดนั้นจะช่วยลดโอกาสที่จะต้องเจอกับการหยุดการทำงานที่สำคัญลงได้
มีการตรวจประเมินประสิทธิภาพด้านความเสี่ยง
การตรวจประเมินประสิทธิภาพด้านความเสี่ยงเป็นการตรวจสอบระบบไอทีของคุณโดยการตรวจสอบด้านความทนทานของโปรแกรมและอุปกรณ์ และคาดการณ์ว่าอาจจะเสียเมื่อไร การตรวจประเมินเป็นประจำจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของคุณทำงานปกติ นั่นคือหลีกเลี่ยงที่จะเกิดการหยุดชะงักเวลาทำงานและความสูญเสียทางการเงินได้
ขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไอที
ทีมไอทีในหลายองค์กร ต่างมุ่งหวังที่จะพัฒนาความรู้ทางเทคนิคที่จำเป็นเพื่อใช้สำหรับการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีที่ซับซ้อนซึ่งเป็นเรื่องที่ทำจริงได้ยาก ท้ายที่สุดแล้ว การบำรุงรักษาด้านไอทีนั้นกินเวลานาน มีเทคนิคขั้นสูง และทำให้พนักงานเสียสมาธิจากงานสำคัญ
เพราะอย่างนี้ ทำให้ผู้ให้บริการด้านเทคนิคที่มีประสบการณ์สูงเข้ามามีบทบาท พันธมิตรเอาท์ซอร์สจะคอยตรวจสอบเชิงรุกกับโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีของคุณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาทางเทคนิคจะไม่หลุดรอดสายตาไป ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดเหตุระบบล่มหรือไฟตกได้เป็นอย่างมาก
แม้ว่าการใช้บริการเอาท์ซอร์สจะมีค่าใช้จ่าย แต่คุณจะประหยัดเงินในระยะยาวได้จากการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพสูง ลดโอกาสที่จะเสียชื่อเสียง และหลีกเลี่ยงปัญหาทางเทคนิคที่อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายราคาแพงได้ การที่โรคโควิด-19 ยังคงอยู่และธุรกิจต้องปรับตัวกับวิถีใหม่ของการทำงานทางไกล การมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคอยู่เคียงข้างไม่เคยมีความสำคัญเท่านี้มาก่อน
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ในบริษัทของคุณ สามารถอ่านบล็อกของเราเพิ่มเติมหรือติดต่อเราได้ตลอดเวลา